บัวขาว ป. ประมุข หรือชื่อจริง คือ "สมบัติ บัญชาเมฆ" เป็นนักมวยไทยวัย 27 ปี ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการมวยในทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะใน สังเวียนมวย K-1 ที่เขาเคยเป็นแชมป์ในปี พ.ศ.2547 และ พ.ศ.2549 อย่างไรก็ตาม บัวขาวเกือบจะได้แชมป์ K-1 ถึง 3 สมัยติดกันมาแล้ว แต่มาสะดุดในปี พ.ศ.2548 บัวขาวแพ้คะแนน แอนดี้ ซอเยอร์ ในนัดชิงชนะเลิศอย่างน่ากังขา
ทั้งนี้ มวย K-1 คือ มวยไทยที่ญี่ปุ่นนำไปเผยแพร่ เมื่อปี พ.ศ. 2537 โดย อาจารย์คาซูโยชิ อิชี่ (Kazuyoshi Ishii) เจ้าสำนักเซโดไคคังคาราเต้ ในประเทศญี่ปุ่น โดยประยุกต์เอาศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ มาต่อสู้กัน และใช้กติกาเดียวกันกับมวยไทย คือ ห้ามใช้ศอกและโน้มคอตีเข่า ซึ่ง มวย K-1 ได้ออกอากาศแพร่ภาพทางโทรทัศน์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2539
"มันก็คือมวยไทยนี่แหละ แต่พอดีญี่ปุ่นเขาหยิบสิทธิ์ไปใช้ ครั้งแรกที่ผมเข้าไปเขาห้ามแค่ศอกอย่างเดียว นอกนั้นยังใช้ได้หมด ที่ห้ามใช้ศอกเพราะมันเป็นวุธที่รุนแรงมาก เกิดพลาดไปมันอาจทำให้เสียโฉมได้ เพราะเขาต้องเซฟหน้าตานักมวยด้วย นักมวยมันต้องหล่อ ต้องดึงดูดใจแฟนมวยสาวๆ" บัวขาว กล่าว
สำหรับบันไดสู่เวทีมวยระดับโลกของบัวขาว เริ่มต้นเมื่อเขาอายุได้ 8 ขวบ ที่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์ บัวขาวฝึกมวยตั้งแต่ยังเด็กจนอายุ15 ปี ก็ตบเท้าเริ่มอาชีพมวยไทยกับสังกัด "ป.ประมุข" ของกำนันเก๊-ประมุข โรจนตัณฑ์ และเขาก็ไม่ทำให้เจ้าของค่ายมวยผิดหวัง สามารถคว้าเข็มขัดแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอเวท, แชมป์ประเทศไทย ในรุ่นเฟเธอเวท และแชมป์ที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท นอกจากนั้น ยังเป็นแชมป์ประเทศไทย และแชมป์รายการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
จากนั้นบัวขาวก็ได้มีโอกาสออกตระเวนทำศึกนอกสังเวียนไทย ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังอย่างมากในต่างประเทศ จึงไม่แปลกอะไร ที่ ณ เวลานี้บัวขาวถูกจัดเป็นหนึ่งในนักกีฬาอาชีพไทยที่ทำรายได้สูงสุดคนหนึ่ง โดยมีรายได้ต่อปีเป็นตัวเลข 8 หลัก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการชกมวยที่ต่างประเทศ และปัจจุบันเขามีสถิติการชกทั้งหมด 407 ครั้ง ชนะ 357 ครั้ง แพ้ 45 และเสมอ 5 ครั้ง.... อิอิ สงสัยเพราะเก่งอย่างนี้นี่เอง จึงทำให้มีแฟนคลับสาวชาวแดนปลาดิบเพียบบบ...
"เวลาอยู่ญี่ปุ่นผมแปลงโฉมตลอดเลยนะ คือ อากาศที่โน่นมันหนาวก็เลยต้องใส่ชุดหนาๆ ผมนี่ใส่ฮิพฮอพคลุมหน้าเลย แต่ถึงขนาดนั้นบางคนยังจำได้อีก เขาจะเริ่มมองแล้วค่อยๆ กรูเข้ามาหา บางรายคลั่งไคล้ถึงขนาดจัดทัวร์มานั่งดูการซ้อม มาเยี่ยมค่าย ดูความเป็นอยู่ของเรา พอซ้อมเสร็จผมก็มานั่งคุยกับเขา แล้วทีนี้เหงื่อมันออกมาก เขาก็จะเอาผ้ามาเช็ดแล้วก็เก็บเหงื่อปาดใส่กระป๋องน้ำไว้" บัวขาว เล่าถึงแฟนคลับของเขา
ประวัติส่วนตัว ของ บัวขาว ป.ประมุข นักมวยรุ่น เฟเธอร์เวท และไลท์เวท
ชื่อจริง : สมบัติ บัญชาเมฆ
วันเกิด : 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 (อายุ 27 ปี)
สถานที่เกิด : จังหวัดสุรินทร์
ส่วนสูง : 174 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 70 กิโลกรัม
สถิติการชก : 407 ครั้ง ชนะ 357 ครั้ง แพ้ 45 ครั้ง เสมอ 5 ครั้ง
ผลงานเกียรติประวัติิ
อดีตแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่น 126 ปอนด์
อดีตแชมป์ประเทศไทย มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวท 126 ปอนด์
อดีตแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นไลท์เวท
แชมป์มวยไทยมาราธอน โตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ในปีพ.ศ. 2545
แชมป์ K-1 WORLD MAX 2004 ในปีพ.ศ. 2547
รองแชมป์ K-1 WORLD MAX 2005 ในปีพ.ศ. 2548
S1 Superwelterweight World Champion
WMC Midlleweight World Champion
Buakaw Por. Pramuk (Thai บัวขาว ป. ประมุข, born May 8, 1982) is a Thai welterweight Muay Thai kickboxer, fighting out of Por Pramuk Gym, in Bangkok, Thailand. He is a former Omnoi Stadium champion and two time, 2004, 2006 K-1 World MAX champion.
Born as Sombat Banchamek in Surin, Thailand, Buakaw started his fighting career at the age of eight in his home province of Surin in the northeastern Thailand, before moving to Por. Pramuk gym at the age of 10. His first fight name was Damtamin Kiat-anan.
Buakaw has collected several belts to his name since fighting in Bangkok. The Omnoi Stadium featherweight title was his first belt, after that he would go on to take the featherweight champion of Thailand title. Buakaw then proceeded to win another Omnoi Stadium title belt, this time at in lightweight division. In December 2002, Buakaw won the Toyota Marathon 140 lb. tournament at Lumpinee Boxing Stadium, beating the highly regarded Kobayashi of Japan in the final.
In July 2004 Buakaw became the K-1 MAX World champion beating John Wayne Parr, Takayuki Kohiruimaki and previous champion Masato in the finals. In 2005 he nearly repeated his run for tournament champion, but lost the extra round decision to Dutch shoot-boxer, Andy Souwer in the finals. In the 2006 K-1 MAX World Grand Prix, Buakaw again faced Andy Souwer in the finals, but this time defeated Souwer by TKO with a flurry of punches, thereby winning his second K-1 World MAX title and becoming the first man to win that title twice.
Buakaw K-1 World MAX 2004 Tournament Final
Buakaw K-1 World MAX 2006 Tournament Final
Buakaw lost to Masato by unanimous decision at the K-1 World MAX 2007 quarterfinals. Despite Buakaw being able to land vicious leg kicks throughout the match, Masato scored a knockdown in the first round and continued to land numerous punch combinations throughout the fight which earned Masato a unanimous decision victory.
On 7 July 2008 at K-1 World MAX 2008 Final 8, Buakaw suffered his first KO loss in K-1 MAX career against Yoshihiro Sato.
Buakaw recently co-starred in the martial arts movie, "Yamada: The Samurai of Ayothaya" based on the true story of Yamada Nagamasa, a Japanese adventurer who gained considerable influence in Thailand at the beginning of the 17th century and became the governor of the Nakhon Si Thammarat province in southern Thailand.
Even though being the semi finalist of the K-1 World MAX 2009 Final Buakaw did not compete in the K-1 World MAX 2010 in Seoul World Championship Tournament Final 16. Instead he entered the Shoot Boxing World Tournament 2010 along with the former three time tournament champion Andy Souwer. However Toby Imada defeated Souwer in the semi finals to face Buakaw in the final. Buakaw defeated Imada via TKO in the second round to become the new 2010 Shoot Boxing S-Cup World champion.
0 comments:
แสดงความคิดเห็น