
การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ครั้งที่ 26 เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการดวลกำปั้นในรอบชิงชนะเลิศฯ โดยมีขุนพลเสื้อกล้ามชายไทยขึ้นสังเวียน 4 รุ่น
เริ่มจากไลท์ฟลายเวท แก้ว พงษ์ประยูร พบ ทัน ฮวง งอก จากเวียดนาม นักชกไทยเดินหน้าใส่ตั้งแต่สิ้นเสียงระฆัง และเป็นฝ่ายไล่ต่อยฝ่ายเดียวขึ้นนำ 10-4 เข้าสู่ยกสอง ยังเป็นหนังม้วนเดิม ก่อนนักชกเวียดนามถอดใจขอยอมแพ้ แก้ว คว้าชัยด้วยสกอร์ 19-8เป็นเหรียญทองที่ 5 ของทัพนักชกไทย และยังเป็นเหรียญทองซีเกมส์ เหรียญที่ 4 ของแก้วอีกด้วย
หลังเกม แก้ว เผยว่า ไม่รู้สึกกดดันเพราะผ่านเจ้าภาพมาในรอบแรกๆไปแล้วรอบชิงฯ จึงชกตามเกมได้ไม่มีปัญหา สำหรับซีเกมส์อาจจะกลับมาอีกครั้งในฐานะโค้ช เพราะอายุมากแล้ว
ต่อด้วยรุ่นฟลายเวท ฉัตรชัย บุตรดี พบ ฮูลิโอ บริอา จากอินโดนีเซีย ยกแรก ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากใส่กันทันทีสกอร์อยู่ที่ 5-5 ยกสอง นักชกเจ้าภาพออกมาเร่ง แต่เชิงของฉัตรชัยเหนือกว่าโยกหลบจน บริอา วืดหัวทิ่มก่อน ฉัตรชัยดักต้อยเน้นๆได้อีกหลายหมัด แต่สกอร์หลังครบยก 2 ฉัตรชัยกลับตาม 13-14 ท่ามกลางเสียงโห่ ยกสุดท้ายฉัตรชัยต้องเร่งไล่ตามแต่ไม่ทัน พ่ายไป16-19 ได้แค่เหรียญเงิน แบบค้านสายตา โดยก่อนผู้ตัดสินชูมือนักชกเจ้าถิ่นยังยกนิ้วให้
หลังจากชก ฉัตรชัย กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่าขอโทษที่คว้าเหรียญทองกลับเมืองไทยไม่ได้ รุ่นนี้เจ้าภาพเขาเน้นมาก พอขึ้นชกรู้ว่าไม่ยาก จุดเปลี่ยนน่าจะอยู่ที่ยกที่ 2 เมื่อคะแนนออกมาตาม เราก็ต้องไล่ พอไล่ก็เข้าทางอินโดนีเซีย ต่อยนิดต่อยหน่อยก็ได้หมด ครบยกรู้ตัวว่าแพ้
รุ่นแบนตั้มเวท วรพจน์ เพชรขุ้ม เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2004 พบ เวียท ทราน คอก จากเวียดนาม เริ่มยกแรกวรพจน์นำสบายๆ 4-2 เข้าสู่ยกสองนักชกเหงียนออกลูกตุกติก โน้มคอต่อย จนผู้ตัดสินเตือนหลายครั้ง วรพจน์ ยังดักต่อยซ้าย-ขวาเน้นๆนำห่าง 7-3 ยก 3 นักชกเวียดนามยังชกสไตล์เดิม ผู้ตัดสินสั่งให้หยุด แต่ก็ยังฉวยโอกาสชกเข้าหน้าวรพจน์ แต่นักชกไทยเหนือชั้นกว่าเยอะใช้เชิง ฉากหนี ทิ่มขวาทำคะแนน ครบยกชนะ 16-9 คว้าเหรียญทองที่ 6 ให้ทัพเสื้อกล้าม
หลังเกม วรพจน์ ซึ่งได้เหรียญทองซีเกมส์เป็นเหรียญที่ 5 กล่าวว่า นักมวยเวียดนามพยายามใช้ลูกสกปรกบ้าง แต่ก็เป็นลูกเล่นธรรมดา เพราะเราเคยเจอมาเยอะกว่านี้มาก จากนี้ไปจะตั้งใจฝึกซ้อม โดยมีเป้าหมายการคว้าตั๋วไปชกโอลิมปิกเกมส์สมัยที่ 2 ให้ได้
และสุดท้ายรุ่นเวลเตอร์เวท อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ โชว์ความหนักหน่วงถลุงลำตัว อ่อง ไว หลิน จากพม่า เพียงแค่สามหมัด ก่อนเอาชนะอาร์เอสซีไปเพียงแค่ยกแรก คว้าเหรียญทองปิดท้ายให้ทีมกำปั้นไทยเป็นเหรียญที่ 7
และสุดท้ายรุ่นเวลเตอร์เวท อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ พบ อ่อง ไว หลิน จากพม่า สิ้นเสียงระฆัง อภิเชษฐ์ ออกมาขวาลำตัวใส่ อ่อง ไว หลิน ดังสนั่นจนนักชกหม่อง หันข้างหนี กรรมการนับแปด อ่อง ไว หลิน พยายามฮึดสู้ ก่อนโดน อภิเชษฐ์ ซัดซ้ายลำตัวลั่นสนามเข้าอีกดอกจนร่วง ชนะทีเคโอ ยกแรกแบบเหงื่อยังไม่ทันออก ใช้เวลาแค่ 55 วิ.เท่านั้น คว้าเหรียญทองเป็นเหรียญทองที่ 7 ให้นักชกไทย
หลังเกม อภิเชษฐ์ กล่าวว่า 2 หมัดที่เข้าเป้าถือว่าเข้าเนื้อๆ พม่าก็ไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร หลังจากนี้จะมุ่งมั่นเพื่อไปคัดโอลิมปิกเกมส์
ด้าน “โค้ชธง”พันตรี ธง ทวีคูณ หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า เราตั้งเป้าไว้ที่ 6 เหรียญทอง แต่ได้มาทั้งหมด 7 เหรียญทองก็เกินเป้าหมาย ส่วนมวยชายแม้จะตั้งเป้าไว้ 4 เหรียญทอง ได้มาแค่ 3 เหรียญทอง แต่ก็ถือว่าพอใจ เพราะได้มากกว่าชาติอื่นๆ จากนี้จะกลับไปแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องของความทนทาน เพราะนักชกไทยยังมีปัญหาอยู่พอสมควร
0 comments:
แสดงความคิดเห็น